ไอโอดีนทางการแพทย์และพีวีพี-ไอ(โพวิโดนไอโอดีน) เป็นสารที่ใช้กันทั่วไปในวงการแพทย์ แต่มีองค์ประกอบ คุณสมบัติ และการประยุกต์ใช้ที่แตกต่างกัน
องค์ประกอบ:
ไอโอดีนทางการแพทย์: ไอโอดีนทางการแพทย์มักหมายถึงไอโอดีนธาตุ (I2) ซึ่งเป็นของแข็งผลึกสีม่วงดำ โดยทั่วไปจะเจือจางด้วยน้ำหรือแอลกอฮอล์ก่อนใช้
PVP-I: PVP-I เป็นสารประกอบเชิงซ้อนที่เกิดจากการเติมไอโอดีนลงในพอลิเมอร์ที่เรียกว่าโพลีไวนิลไพร์โรลิโดน (PVP) การผสมกันนี้ทำให้มีความสามารถในการละลายและความเสถียรที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับไอโอดีนธาตุเพียงอย่างเดียว
คุณสมบัติ:
ไอโอดีนทางการแพทย์: ไอโอดีนธาตุมีความสามารถในการละลายน้ำต่ำ จึงไม่เหมาะกับการทาลงบนผิวหนังโดยตรง อาจทำให้พื้นผิวเป็นรอยเปื้อนและอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรืออาการแพ้ในบางราย
PVP-I:พีวีพี-ไอเป็นสารประกอบเชิงซ้อนที่ละลายน้ำได้ ซึ่งเมื่อละลายในน้ำจะกลายเป็นสารละลายสีน้ำตาล ไม่ทำให้พื้นผิวเป็นรอยเปื้อนได้ง่ายเท่าธาตุไอโอดีน PVP-I ยังมีฤทธิ์ต้านจุลชีพที่ดีกว่าและปลดปล่อยไอโอดีนอย่างต่อเนื่องมากกว่าธาตุไอโอดีน
การใช้งาน:
ไอโอดีนทางการแพทย์: ไอโอดีนธาตุมักใช้เป็นสารฆ่าเชื้อ อาจผสมลงในสารละลาย ยาขี้ผึ้ง หรือเจลเพื่อฆ่าเชื้อบาดแผล เตรียมผิวก่อนการผ่าตัด และจัดการการติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย เชื้อรา หรือไวรัส
PVP-I: PVP-I ถูกใช้อย่างแพร่หลายในฐานะสารฆ่าเชื้อและยาฆ่าเชื้อในหัตถการทางการแพทย์ต่างๆ ด้วยคุณสมบัติที่ละลายน้ำได้ จึงสามารถใช้โดยตรงกับผิวหนัง บาดแผล หรือเยื่อเมือก PVP-I ใช้ในการขัดมือในการผ่าตัด การทำความสะอาดผิวก่อนการผ่าตัด การล้างแผล และการรักษาการติดเชื้อ เช่น แผลไฟไหม้ แผลในกระเพาะ และภาวะเชื้อรา PVP-I ยังใช้ในการฆ่าเชื้ออุปกรณ์ เครื่องมือผ่าตัด และอุปกรณ์ทางการแพทย์อีกด้วย
โดยสรุปแล้วทั้งไอโอดีนทางการแพทย์และพีวีพี-ไอมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อ แต่ความแตกต่างหลักอยู่ที่องค์ประกอบ คุณสมบัติ และการใช้งาน โดยทั่วไปแล้วไอโอดีนทางการแพทย์หมายถึงไอโอดีนธาตุ ซึ่งต้องเจือจางก่อนใช้และมีความสามารถในการละลายต่ำกว่า ในขณะที่ PVP-I เป็นสารประกอบเชิงซ้อนของไอโอดีนกับโพลีไวนิลไพร์โรลิโดน ซึ่งให้ความสามารถในการละลาย ความคงตัว และฤทธิ์ต้านจุลชีพที่ดีกว่า PVP-I มักถูกนำมาใช้ในสถานพยาบาลต่างๆ เนื่องจากมีความหลากหลายและใช้งานง่าย
เวลาโพสต์: 5 ก.ค. 2566
